วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เรื่องเด็กจมน้ำ Poom ก็เกือบเหมือนกัน กับไขควง 2/05/53

วันนี้อี๊ไปเจอเว็บนี้ เข้า เลยนึกถึงว่าวันหนึ่งอี๊ไปแอบยืนอ่านหนังสือ (จำชื่อไม่ได้) เรื่องเกี่ยวกับเด็กจมน้ำเสียชีวิต
ตอนแรกอ่านก็คิดว่าเป็นไปได้หรือ อ่าน ๆ ไป ล้วนแต่เป็นประสบการณ์จริงของพ่อแม่ผู้ปกครองทั้งนั้นที่สูญเสียลูกหลาน
http://www.doctor.or.th/node/2049
นึกถึงทีไร...ทุกทีเลย


สำหรับPoom วันนั้นอี๊เอาลูกอาบน้ำ (ต้องในกะละมังเท่านั้น ลูกชอบ) ใส่น้ำประมาณครึ่งกะละมัง (ยาว ๆ รี ๆ อาบตั้งแต่เกิดเลยล่ะ)
อี๊กำลังบีบยาสีฟันใส่แปรงสีฟันอยู่ Poomก็กำลังหมุนตัว (เอามือจับขอบกะละมัง แล้วก็หมุนตัวในน้ำ สนุกมาก หัวเราะ 55) อี๊ก็ขำ แต่ลูกก็ทำให้อี๊ขำไม่ออก เพราะว่า หัวลูกไปอยู่ใต้น้ำ (ทั้ง ๆ ที่แค่ครึ่งกะละมัง)ของจริงเลย แล้วลูกก็ไม่เอะอะโวยวาย ไม่สำลักน้ำ อี๊ก็อึ้งแป๊ปนึง ตกใจนะ พอนึกขึ้นได้ รีบวางแปรงสีฟัน แล้วจับลูกขึ้นจากน้ำ อี๊ถึงได้รู้ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ เด็กเล็กต้องอยู่ในสายตาผู้ใหญ่เสมอ ซึ่งอี๊คิดว่าต้องระวังมากขึ้น บางครั้งอี๊ก็เคยเห็นผู้ใหญ่ปล่อยให้เด็กเล่นนอกบ้าน โดยที่ไม่ได้ยืนดูหรือดูแล คิดว่าลูกช่วยเหลือตัวเองได้ทั้งที่ยังเล็ก ๆ อยู่

วีรกรรมของลูกมีเสมอ เวลาอี๊เผลอแหละ เช่น อี๊ตักข้าวให้ลูกในครัว เดินออกมา Poomก็ปีนขึ้นไปยืนเกือบอันบนสุดเลย (ก็โต๊ะไม้ที่มีฐานกลม ๆ หลาย ๆ อัน สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ) โหย อี๊ต้องรีบวางชามข้าว แล้วอุ้มลูกลงมาอย่างด่วน (แต่อี๊ก็จะหวีดร้องโวยวายให้ลูกตกใจ แต่ใจอี๊ตกไปอยู่ตาตุ่มแล้ว) ทำไมลูกเป็นคนไม่กลัวความสูงเลย การเลี้ยงเด็กอี๊คิดว่า "ไม่มีคำว่าเดี๋ยวก่อน แป๊ปเดียว ไม่เป็นไรมั้ง ไม่เป็นไรหรอก...แน่นอนล่ะ ตราบใดที่อุบัติเหตุยังไม่เกิด..พ่อแม่ก็คิดอย่างนั้นได้..." บางครั้งอี๊จะเห็น นสพ.ลงหน้าหนึ่งไทยรัฐว่า เด็กตกรถมอเตอร์ไซค์ เด็กติดอยู่ในรถยนต์ แล้วกดล็อคประตู "พ่อแม่ที่คิดแบบประมาท มักจะผิดพลาดและสูญเสียลูกไป.." บางคนก็เอาลูกใส่ไว้ในห้องโดยสารรถยนต์ ให้ลูกเล่นพวงมาลัยรถ โดยที่ไม่ได้ดูแลใกล้ชิด (ถึงแม้รถจอดสนิทอยู่ก็ตาม) เปิดกระจกไว้ครึ่งบาน แต่พ่อแม่อยู่ห่างจากรถหลายร้อยเมตร ถ้าลูกปีนกระจกรถออกมาแล้วตก พ่อแม่จะวิ่งมาทันเหรอ...หรือเคยคิดไหมว่าลูกเล็ก ๆ แค่ใกล้ขวบ จะหยิบข้าวของชิ้นเล็ก ๆ ที่อยู่ในรถมาอมหรือมากิน ถ้าติดคอแล้วร้องไม่ได้..อะไรจะเกิดขึ้น

มีอีกเรื่องหนึ่ง เป็นความผิดพลาดของอี๊เอง ที่อุ้มลูกออกไปที่ระเบียงชั้น2 แล้วเอาลูกชะโงกหน้าออกไปจ๊ะเอ๋กับพ่อแม่ ลูกก็สนุกอยู่หรอก วันต่อมา ลูกเปิดประตูมุ้งลวด (ไม่มีละไรล็อคประตู) จะออกไปที่ระเบียบให้ได้ อี๊เลยรู้ว่านั่นเป็นเรื่องที่อี๊คิดผิดมากเลยทีเดียว ที่แต่เรื่องให้ลูกสนุก
หลังจากนั้น เวลาลูกอยู่ในห้องนอน เวลาหลับกลางวัน อี๊จะต้องปิดประตูกระจก และดึงตัวล็อคขึ้นทุกครั้ง เพราะถ้าลูกตื่นขึ้นมาแล้วอี๊ไม่อยู่ ลูกเปิดประตูมุ้งลวดเองล่ะก็ ลูกต้องตกระเบียบไปชั้นล่างแน่เลย (คือถ้าไม่ตายก็พิการ) อี๊จะเปิดแต่เฉพาะหน้าต่าง และประตูหน้าเท่านั้นให้ลมเข้า เวลาPoomนอนกลางวัน ถึงแม้จะเป็นหน้าร้อน อี๊ก็ไม่เคยเปิดแอร์ให้ลูกเลย แต่จะเอาผ้านวมบาง ๆ ปูพื้น แล้วเอาลูกนอนบนพื้น กินนม (ขวด) Poomจะถือขวดนมเอง กินจนหมดขวด แต่ก็ไม่ค่อยชอบกินน้ำ หรือกินก็นิดเดียว มีบางวันที่อี๊นอนข้าง ๆ ตาPoomก็จะค่อย ๆ หรี่ปรือลงแล้วก็หลับไป
ตอนเล็ก ๆ เวลาตื่น แล้วอี๊อยู่ชั้นล่าง Poom จะร้องไห้ลั่นบ้าน ทำไงเหรอ อี๊ก็วิ่งตับแลบขึ้นบันได ส่งเสียงไปก่อน "มาแล้วครับ มาแล้วครับ" เปิดประตูไปลูกก็เงียบ
แต่พอโตขึ้นมาหน่อย ตื่นมาก็ไม่ร้อง พอได้เวลาอี๊ขึ้นไป เปิดประตู โอ้โห กำลังปีนขึ้นชั้นไม้เป็นช่อง ๆ สีน้ำตาลไง ตายและ อี๊ต้องรีบอุ้มลงมา หวาดเสียวจริง ๆ
มีอยู่วันหนึ่ง อี๊ขึ้นไปไม่ทันมั้ง แล้วไม่รู้ว่าลูกทำยังไง ถึงได้กระป๋องนมผมลงมา เปิดฝาแล้วเทลงพื้นห้องนอน (หลายตังค์เลยนะลูก) ดีนะที่แม่ไม่ว่าอี๊
อี๊ทำไงเหรอ หลังจากลูกหลับไปแล้ว อี๊ก็เลื่อนชั้นอันนั้น (มีล้อ)ลากออกไปนอกห้องน่ะสิ อี๊ต้องทำทุกอย่างเพื่ออุดประตูความเสี่ยงที่จะทำให้ลูกเจ็บหรือเป็นอันตราย เพราะอะไรเหรอ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบ้านเราอยู่ท้ายซอย สุดหมู่บ้าน ข้างบ้านก็จะไม่ค่อยมีคนอยู่บ้าน หรือแม้แต่บ้านลุง COM ก็ตาม ถ้าเกิดอะไรขึ้นอี๊ไม่รู้จะไปเรียกหรือร้องขอความช่วยเหลือจากใคร ไม่มีเบอร์ รปภ.หมู่บ้าน ทุกอย่างคือต้องมีคำว่า "ปลอดภัย" สำหรับลูกอยู่ในหัวสมองอี๊เสมอ

อีกและ เข้าครัวออกมาทีไร (ก็แคว่าแป๊ปเดียวจริงๆ)โชคดีทุกที บางครั้งลูกก็คว้าเอาขวดปุ๋ยน้ำขวดเล็ก ๆ ที่วางไว้ในช่องข้างศาลเจ้ามา กำลังจะเปิดพอดีเลย ทำไงล่ะ อี๊ก็ต้องเอาขึ้นไปไว้ที่สูง
โตหน่อย ลูกก็รู้จักปีน ลากตะกร้าสีชมพูใบใหญ่ แล้วปีนขึ้นไปหยิบ ทินเนอร์เติมน้ำยาลบคำผิด เปิดฝาแล้ว กำลังจะดม หรือกำลังจะชิม ทำไง เหมือนเดิม อี๊ต้องย้ายขวดทินเนอร์ไปไว้ที่สูงอีก
กล่องเครื่องมือพวกไขควงเครื่องมือช่างก็เหมือนกัน ลูกเป็นนักสำรวจ ชอบนักเชียว (กล่องเหล็กสีน้ำเงินมีบานปิดเปิด 2ข้าง) ลูกมักจะชอบหยิบไขควง ออกมาเล่น เล่นได้ที่ไหนกันลูก ถึงมันจะไม่แหลมคมเหมือนมีดหรือเหล็กแหลม แต่ความยาวของมันก็น่าจะเป็นอันตราย ทำไงเหรอ อี๊ก็ต้องเอาเชือกมาผูกไม่ให้ลูกเปิดได้ แล้วไง พ่อก็ไม่ชอบ ไม่พอใจอี๊ เวลาเขาต้องการใช้เครื่องมือในกล่องนั้น หรือแม้กระทั่งถุงโซดาไฟ (ผงสีขาว) ที่วางอยู่บนพื้นก็ต้องเก็บแอบไม่ให้ลูกเห็นอย่างเด็ดขาด
อี๊ไม่ได้เหนื่อยกับการเลี้ยงดูแลPoomหรอก แต่บางครั้งจะเหนื่อยที่ต้องคอยเก็บอะไร ๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นอันตรายให้ห่างจากมือเด็กเล็ก (หนังสือบอกไว้ตั้งไม่รู้กี่อย่าง) เขาถึงมีคำเตือนกับสิ่งของหรือสารเคมีต่าง ๆ ว่า "เก็บไว้ให้ห่างจากมือเด็ก หรืออะไรก็แล้วแต่ที่บอกว่าอย่าให้เด็กหยิบจับได้"

เรื่องไขควงอันเล็ก ๆ 4แฉก ยาวประมาณ3หรือ4นิ้ว ไม่รู้ลูกเอามาจากไหน ในห้องนอน อี๊ไม่ให้ แต่ลูกก็เล่นมุก (ตอนนั้นขวบกว่าเอง) อี๊ยืมของเล่นแมคโดนัลของเจ๊แพร มาต่อเป็นชั้น ๆ แล้วเอารถคันเล็ก ๆ วิ่งตามทาง ให้รถไหลวนมาถึงข้างล่าง (แต่Poomกับอี๊ก็ทำหายไปชิ้นนึง แต่อี๊บอกอาเจ็กว่าPoomทำหาย ไม่ยุติธรรมเลยเนอะ ใส่ร้ายเด็กคนเดียว) กลับมาที่ลูกต่อ Poomก็จะเอามือเล็ก ๆ 2มือของPoom หงายมือซ้อนกันแล้วก็พูดว่า "ขอ ขอ ขอ" อี๊จะไม่ให้ก็คงไม่ได้ จำเป็นต้องให้จริง ๆ แต่อี๊ก็ต้องอยู่กับลูกตลอดเวลา Poomเอาไปทำอะไร ก็เอาไปทำท่าไขไปไขมา ในช่องเสาของรางรถนั่นแหละ แล้วพูดว่า "เสีย เสีย ไม่สวย" (แต่ยังพูดไม่ชัดก็ฟังได้ว่า เฉียเฉียไม่ฉวย) ประมาณว่าต้องซ่อมให้สวยและดีมั้ง อี๊ก็รอสักพัก แล้วก็ขอลูก แล้วเอาไปเก็บที่ชั้นในห้องพระทันที เก็บไว้ชั้นบน ๆ (อี๊จะไม่ว่าไม่ตีลูกหรือกระชากแย่งออกจากมือลูก เพราะลูกไม่รู้ว่าไขควงอันนั้นมันเล็กแหลมและอาจเป็นอันตราย)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น