วันวิสาขบูชา 28 พค.53
เสาร์อาทิตย์ หลังข่าว 20.40 น. รุ่นพี่คริตแล้ว น้องช็อปเปอร์น่ารัก (ม่าย พี่ชาคริต หล่อกว่าคุณตาวิกรมค่ะ) น้องดินสอน่าร๊าก มาก ๆ โตขึ้นต้องหล่อแน่ ๆ เลย (ร้องไห้เก่งจริง ๆ เลย) แจกบทละครไฟอมตะ มีประสบการณ์ที่ดีดี มุมมอง แลกเปลี่ยนกับคุณวิกรมได้ 7-11 ขายไปเกือบแสนเล่มแล้วมั้ง
ซื้อแล้วค่ะ บทละคร "ไฟอมตะ" ทั้งของมูลนิธิ กับ ดาราภาพยนตร์ ห่อปกแล้วด้วยค่ะ อิอิ (ไม่เยิน ไม่เบิน)
พิมพ์แล้วหาย ๆ ทั้งบันทึกเป็นฉบับร่าง และเผยแพร่บทความ หาย 2 ครั้งเลย เอยังไงเนี่ย
คุณชัญยานุตร พนาฤทธิกุล มีบุตร 2 คน แต่ตอนนี้ตัวหนูตกงาน แต่โชคดีที่มีหัวหน้าครอบครัวที่ดี ที่ทำงานของสามีเริ่มมีปัญหา ทุกวันนี้ตัวหนูเองก็ลำบากมาก ๆ พยายามหาทางออกก็ยังตันอยู่ ขอคำแนะนำจากคุณวิกรมในการแก้ปัญหานี้ด้วยนะคะ
ตอบ ปัญหาเรื่องตกงาน ที่จริงจากสถิติของกรมแรงงานฯ บอกว่าตอนนี้เรามีคนว่างงาน 1 เปอร์เซนต์กว่า ๆ ถือว่าต่ำมากเมื่อเที่ยบกับอเมริกา เท่ากับว่าเมืองไทยยังมีงานให้คนทำเยอะ แต่อย่างไรก็แล้วแต่ในหลักการนะ การที่เราจะทำงานที่จะสร้างความสำเร็จให้กับทุกคนได้หรือจะหางานได้ง่าย คงจะต้องเริ่มดูที่ตัวเราเองก่อน ว่าเรามีความสามารถในด้านไหนหรือชอบทำอะไรมากที่สุดอันนั้นก็คงเป็นข้อ 1 คงจะต้องเริ่มดูจากตัวเรา ถ้าหากเราไปทำงานในสิ่งที่เราไม่ถนัด ก็คงจะไม่มีผลงาน ฉะนั้นเราต้องคิดว่าเราถนัดเราชอบด้านไหนเป็นข้อ 1 ข้อที่ 2 ต้องพยายามหาตลาด ไปในแนวของเราที่เราทำได้ดีทำได้เหมาะสม ใกล้เคียงที่สุด ตรงนี้คือประเด็นว่าเอ๊ฉันจะไปหาตรงนี้ได้อย่างไร ถ้าหากเราหาได้ พยายามไปในแนวในกลุ่มที่เราชอบเราทำงานได้ดี ตรงนี้เราก็จะมีผลงาน แน่นอนเมื่อมีผลงาน รายได้ก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ความสำเร็จของคนเราก็มักจะเกิดจากสิ่งที่เราถนัดและเราชอบ แน่นอนแต่ต้องมีตลาดและมีพื้นฐาน การจะศึกษาตัวเองและตลาดคู่กันไปอย่างเหมาะสมนั้นคือเทคนิค เช่น วันนี้คุณวิชัยบอกว่าฉันถนัดเรื่องพูดเรื่องการแสดงตน
คุณวิชัยต้องไปทำงานเรื่องวิทยุหรือโทรทัศน์หรืออะไรก็แล้วแต่ต้องพยายามไปหางานในกลุ่มหรือพื้นที่ที่เหมาะสมกับความสามารถของเรา หลาย ๆ คนนึกไม่ออกว่าฉันจะไปหายังไง ฉันจะไปหาอะไร อันนั้นถือว่าเป็นการทำมาหากินที่มีประสิทธิภาพ ปัญหาของคนที่เกิดขึ้นของคนในทุกวันนี้จะไปหาโอกาสของงานตรงนั้น ปัจจุบันมีเว็บเยอะ ถ้าบางคนใช้เว็บทำเว็บไม่เป็นล่ะ ก็ต้องขอแรงเพื่อนฝูง
ให้เขาช่วยสอน เปิดหาเว็บเป็น ขอรบกวนเขา ขอยืมเขา (หยิ่งค่ะ พึ่งร้านเน็ตดีกว่า)ให้เขาช่วยสอนให้เราเปิดหาเว็บเป็น ตอนนี้ที่จริง
คนที่เขามีงานอยากจะเสนองาน จะใช้เว็บเยอะมากที่เดียว อันนั้นก็จะเป็นวิธีสร้างโอกาสให้เรา อีกอันหนึ่ง หรือเปิดหนังสือพิมพ์หลาย ๆ นสพ.หางานจากที่นี่ หรือหางานจากกรมแรงงาน เท่าที่ผมเข้าใจนะ เป็นแหล่งที่จะทำให้เราหางานมีโอกาสจะทำงานอะไร แต่แน่นอน
ที่สำคัญที่สุดต้องเริ่มจากตัวเราเองว่าเราชอบเราถนัดทางด้านไหนเรามีความสามารถทางด้านไหน และพยายามไปทางนั้นให้ได้ แต่บางคนบอกว่าโอ๊ย..แล้วตอนนี้ฉะจะเอาอะไรกินล่ะ ก็อาจจะมองว่าอะไรที่จับได้จับไปก่อน เพื่อให้ตัวเองมีรายได้ แต่ในขณะเดียวกันเราก็จะต้องมาหาในสิ่งที่เราอยากทำจริง ๆ อย่างถาวรอีกในอนาคตอีกทีหนึ่ง ดีไหมครับ ท่านใดนึกอะไรไม่ออก เดินไปที่อมตะนคร ที่นั่นมีแน่นอน(เดินไหวเหรอคะคุณวิชัย ไกลอยู่นา)(มีแผงป้ายอันเบ้อเริ่มเทิ่มเลย ไปหางานที่นั่นได้นะคะ) ป้ายทั้งที่อมตะนคร และอมตะซิตี้ และสามารถเดินทางได้ จะมีบริษัทและโรงงานเยอะเลย เขามาปิดประกาศไว้ (บขส.บอกลงอมตะนคร ค่ารถประมาณ 38 บาทมั้งคะ ถ้าจำไม่ผิด)เลือกดูว่าอยากทำงานตำแหน่งอะไร หน้าที่อะไร แล้วก็ลองไปเช็คดู ถ้าไม่ชอบก็มาหาดูใหม่ ดีไหมครับ ดีครับ
อาการพิมพ์หาย ๆ คงจะหายดีแล้วมั้ง..
คุณหลี แต่งงานกับสามีมา 30 ปี มีลูก 4 คน ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเงินของสามีเลย แต่เขาชอบให้ร้ายเรากับผู้อื่นฟังเสมอ แล้วชอบสร้างภาพว่าตัวเองเป็นคนดีทั้งที่อยู่ในบ้านชอบทำตัวขี้โมโห พูดจาไม่ถอนมน้ำใจ อยากถามคุณวิกรมว่า คนที่เป็นสามี (แบบนี้) ควรจะทำตัวอย่างไรกับภรรยาและลูกคะ (หนูตอบให้ค่ะ อย่าไปเปลี่ยนเขา เพราะเขาเปลี่ยนไม่ได้ ต้องเปลี่ยนที่ตัวเราค่ะ
ตอบ เฮ้อ..ถ้าเป็นผมแบบซีเรียส อย่างสมัยครอบครัวผมสมัยคุณแม่ ผมขอเสนอให้หย่ากับเขาดีกว่า ถ้าคุณหลีสามารถทำมาหากินเลี้ยงตัวเองได้ไม่จำเป็นต้องผูกติดกับคนที่เราไม่รู้เรื่องหรือไม่มีความสุข แต่ก็อย่างว่า สังคมไทยสังคมจีน เรามีพื้นฐานมาจากสังคมจีน ผู้ชายคือผู้นำครอบครัว โดยเฉพาะหากเขาคุมเงินทั้งหมด เขาคือพระเจ้า ของชีวิตของทุกคนในครอบครัว ก็มักจะคิดว่าทุกอย่างที่เขาทำก็จะถูกต้องหมด ลูกเมียก็เถียงไม่ได้ หากเราไม่พอใจต่อการกระทำของเขา เราจะโกรธหรือจะเถียงเขาไม่ได้เลย เขาจะพาลหาเรื่อง พาลไม่ให้เงินใช้เข้าไปอีก ฉะนั้น คงจะไม่ต่างอะไรกับสมัยพ่อผม คุณหลีต้องระวังเรื่องการพูดจา บางที
ถ้าไม่ถูกหูก็จะพลอยมีเรื่องราวใหญ่โต ผมไม่รู้ว่าสามีคุณอายุเท่าไหร่ เจ้าชู้หรือเปล่า การที่ลูกเมียได้ทำดีแล้วเนี่ย เขาพอใจอะไรยังไงบ้าง ฉะนั้น บางทีการที่มันจำเจอยู่นาน ๆ ก็อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนบ้าง เช่น บางทีลูกเมียอาจจะไปเที่ยวไปที่อื่นสักพัก ปล่อยสามีให้อยู่กับบ้านคนเดียว อาจจะทำให้สามีรู้สึกคิดถึง อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่ แต่ก็น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะว่าบางครั้งไอ้การที่เราอยู่ด้วยกันไปนาน ๆ สามีก็ไม่รู้หรอกว่าคุณหลีมีความดีอย่างไร ลองแยกไปเทียวกันบ้าง สัก 1-2 สัปดาห์ เผื่อสามีเขาอาจะจะได้คิดถึงนึกถึง อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างหรือไม่ มิฉะนั้นอาจจะจำเจหรือสามีอาจจะเคยตัว เวลาไม่อยู่ด้วยก็คิดถึงเรา เวลาอยู่ด้วยก็ขับไล่ไสส่ง
คุณรุ่งนภา อยากทราบเคล็ดลับการต่อรองเงินเดือนหรือผลตอบแทนกับผู้สมัครงานว่าควรทำอย่างไร ว่าเราคิดว่าเงินเดือนที่เขาเสนอมา แม้จะเท่ากับที่เขาเคยได้ แต่ยังสูงเกินไปที่องค์กรจะสามารถจ่าย ขอคำแนะนำจากคุณวิกรมกรมด้วยนะคะ
ตอบ เคล็ดลับในการต่อรองเงินเดือน คุณรุ่งนภา บางครั้งการจ้างใครสักคนหนึ่งมาทำงานให้เรา ผมคิด ผมยึดเป้าหมายของงานที่จะให้เขาทำเป็นหลัก แล้วก็ดูว่าเรามีงบประมาณสักเท่าไร เราอาจจะไปสัมภาษณ์เงินเดือนสูง แต่เขาสามารถทำงานให้เราได้ดี แล้วเราก็ไม่ต้องวุ่นวาย ไม่ต้องไปยุ่งใช่ไหม เราก็จะให้งานเขาทำ ไม่จำเป็นต้องทำเต็มวัน เราอาจจะบอกว่า เอางี้คุณมาทำครึ่งวันบ่าย สมมติงบเราไม่เยอะ และเขาก็ทำงานได้ดี แทนที่จะให้เขาทำเต็มวันนะคุณวิชัย ถ้าอยางนั้นเอาช่วงบ่ายก็แล้วกัน ช่วงบ่ายโมงหรือบ่ายโมงครึ่งค่อยมาเข้างาน ฉะนั้นก็สามารถที่จะทำงานที่เราต้องการหมด โดยไม่จำเป็นที่จะต้องให้เขามาทำงานทั้งวัน ตอนเช้าเขาสามารถทำงานที่ได้ เขาก็มีรายได้มากขึ้นที่เขาต้องการด้วย เราก็ได้งาน เขาก็ได้เงินเยอะขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็ยึดสิ่งที่ตนเองต้องการเป็นหลัก ผมก็จะใช้งานแบบนี้เป็นจ๊อบ ๆ เราก็ได้คนที่เราชอบเขา เราไม่มีงบให้เขาเยอะขนาดนั้น แต่ก็ทำงานได้เหมือนกัน
นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจนะครับ คือคุณรุ่งนภาอย่าไปคิดว่าฉันจะต้องได้เขามาทำงานให้เราทั้งวัน ไม่จำเป็นครับ เรายึดงบยึดงานว่าเราต้องการให้เขาทำอะไรเป็นหลัก หรือไม่จำเป็นต้องครึ่งวันด้วยซ้ำไป ใช้วิธีบอกว่าเอางี้บอกว่าฉันมีงานอย่างนี้ คุณก็มาทำหนึ่งสัปดาห์จะทำ 2-3 วันก็ได้ขอให้จบงานตรงนี้ นั่นเป็นการลดค่าใช้จ่ายและลดงบประมาณเข้าไปใหญ่ บางทีการที่เรามีคนมานั่งอยู่ในออฟฟิศประจำ บางครั้งงานไม่ได้เยอะขนาดนั้น พวกนี้ก็ไม่ได้ทำอะไร ฉะนั้นปล่อยให้เขาไปทำงานอย่างอื่น ฉะนั้นผมก็เลยกลายเป็นทำไปทำมา ผมเรียกว่า contact out เป็น JOB เป็นงาน ๆ อย่างนี้เราก็ทำงานได้ คุณวิชัยว่าสมัยนี้ถ้าธุรกิจทำ contact out ผมว่าก็จะช่วยลดต้นทุนไปได้เยอะนะครับ ประเด็นทั้ง 2 ฝ่ายควรจะได้ผลของสิ่งที่ต่างฝ่ายควรจะได้รับมากขึ้นนั่นเองครับ
คุณภัทร เราจะประยุกต์รูปแบบการค้าและการส่งออกแบบดั้งเดิมอย่างไรให้เข้ากับเทคโนโลยีปัจจุบัน เพราะสมัยนี้มีการค้าขายทาง internet เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะทาง E-commerce สินค้าของไทยหมวดไหนที่คุณวิกรมคิดว่าควรหันมาใช้ช่องทางเหล่านี้เพิ่มขี้น
ตอบ ก็สินค้าอะไรก็ได้ ถ้าเราจะทำ E-commerce ต้องมีสินค้าที่มีตลาดในต่างประเทศเป็นหลัก สมมติว่าเป็นสินค้าที่มีตลาดอยู่เพียงแถวอีสาน E-commerce ก็คงจะไม่กว้างพอ (อย่าฮาสิคะ ไม่เอา ไม่เอา) เอาเป็นว่าสินค้าอะไรที่เราจะขายในต่างประเทศ สินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดสากล เพราะว่า E-commerce เป็นที่นิยมและแพร่หลายในการซื้อขายของตลาดโลกแทบทุกประเทศ แอฟริกาก็ยังใช้ ต้องเช็คดูให้ถูกต้องก่อนว่าสินค้าที่เรามี มีตลาดหรือสามารถค้าขายได้ในตลาดต่างประเทศได้หรือไม่ ถ้าเกิดว่าได้ การจับกลุ่มมองตลาดเป็นหลักก่อนจะทำให้เราประสบความสำเร็จนั่นเอง
คุณปรีชา อยากไปลงทุนในเวียตนาม กลัวว่าจะลดค่าเงินดองเนื่องจากเคยมีการลดมาแล้วครั้งหนึ่ง และคิดว่าจะมีการลดอีกผมควรเข้าไปลงทุนเลยหรือไม่ครับ หรือว่าควรจะรอจังหวะไหนดี
ตอบ การที่จะไปลงทุนในเวียตนาม ขึ้นอยู่กับว่าธุรกิจเรานั้น เหมาะสมกับการที่เราจะไปลงทุนในเวียตนามหรือไม่เป็นประเด็นหลัก อันนั้นเป็น key สินค้าหลาย ๆ อย่างเวียตนาม ไม่มีตลาด ไม่มีอะไร หรือมีคู่แข่งเยอะ ก็อย่าไป แต่ถ้าเรามั่นใจว่าบอกว่า สินค้าเรามีความเหมาะสม มีตลาด ไม่มีคู่แข่ง อันนั้นก็โอเค เรื่องการลดค่าเงินด่องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลเวียตนามว่าขาดดุลการค้าระหว่างประเทศมากน้อยขนาดไหน หรือเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของรัฐบาลเวียตนามมีมากมีน้อยขนาดไหน อย่างในตอนนี้รัฐบาลมีเงินทุนสำรองน้อยมาก ๆ ถ้าผมจำไม่ผิดมี 5-6พันล้านเหรียญ ถือว่าต่ำมาก ในขณะที่รัฐบาลต้องนำเข้าสินค้ามหาศาลเลย นั้นคือเหตุผล ส่วนตัวผมคิดว่าในอนาคตรัฐบาลเวียตนาม อาจจะลดค่าเงินด่องอีกว่าเวียตตนามต้องการส่งออกให้มากขึ้น และอีกอย่างหนึ่งที่จริงก็คือเป็นหลักการในการทำธุรกิจ ถ้ารัฐบาลเวียตนามลดค่าเงินดองตู้มนึง เท่ากับเป็นการลดราคาสินค้าเวียตนามทั้งประเทศให้ขายถูกลง สามารถแข่งขันในตลาดสากลได้ดีขึ้น ถูกต้องหรือเปล่า สมมติว่าพวกเราเป็นคนเวียตนาม วันนี้สิ่งที่เราเสนอขายไปให้ต่างประเทศสมมติว่า 1 เหรียญ สมมติว่าวันนี้รัฐบาลเวียตนามลดค่าเงิน 5% ก็กลายเป็นว่าราคาสินค้าของเรา ขายสู่ลูกค้าต่างประเทศคือ 95เซนต์ 5 cent ก็เท่ากับลดให้กับลูกค้าเราไป แต่เราได้จำนวนเงินเท่าเดิม ถือว่าเป็นการลดราคาสินค้าที่ขายไปต่างประเทศได้ทันทีเลย ฉะนั้นก็จะมีเงินตราหรือว่ามีการซื้อขายสินค้าเวียตนามได้มากขึ้น และเวียตนามก็จะขายสินค้าได้เยอะขึ้น
เอาระบบจีน รัฐบาลจีนไม่ยอมเพิ่มค่าเงินหยวนเลย ปล่อยให้เงินหยวนอยู่อย่างนี้ เพราะว่ารัฐบาลจีนต้องการการขายสินค้าไปต่างประเทศให้มากขึ้นนั่นเอง รัฐบาลเวียตนามก็เลยใช้วิธี shortcut คือไม่ทำให้เงินเวียตนามแข็งค่าขึ้นไปกว่านี้ ไม่ให้เวียตนาอยู่กับที่ เลยลดค่าเงินด่องไปเลย ยิ่งเป็นการเร็วขึ้นไปอีก เป็นเรื่องที่รัฐบาลเขาจะต้องทำ ส่วนเราคนไทยต้องขึ้นอยู่กับว่าสินค้าของเราสามารถจะทำธุรกิจในเวียตนามหรือได้หรือไม่เป็นหลัก เวียตนามcopyหัวการค้าแบบจีน (นั่นสิแล้วคนไทยล่ะคะ แป๊กอยู่กับที่ละป่าว)
วันวิสาหขบูชา วันที่พระพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน เข้าวัดทำบุญกัน อนุโมทนาบุญด้วยครับ
022481657 แจ้งชื่อนามสกุลประเด็น 4221965SMS FAX 02-2481766 086-5400007 CEOFANCLUB@YAHOO.COM
แลกเปลี่ยนความเห็น ส่งคำถามมาขอชื่อนามสกุล แลกเปลี่ยนมุมมองความเห็นเกี่ยวกับละคร "ไฟอมตะ"
คุณอรรถพร ถามว่าเทคนิคการออมเงินให้ร่ำรวยและความมีวินัยทางการเงินช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้อย่างไร
ตอบ องค์กรหรือธุรกิจจะขับเคลื่อนได้คงต้องมีระบบการเงินที่ดีเป็นตัวสนับสนุน การเงินที่ดีก็จะต้องมีต้นทุนที่ต่ำ หลายธุรกิจต้องปิดตัวลงเพราะดอกเบี้ยกินหมด หรือขาดเงินหมุนเวียน อุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐล้มละลายก็เพราะใช้เงินกู้เกินตัวเกินควร ผมอยากจะบอกว่าทุกอย่างมีต้นทุนจากการเงินทั้งสิ้น ลองมาดูโตโยต้าสิ หรือฮอนดาเขาเติบโตทางธุรกิจได้อย่างมั่นคง
เพราะจะมีขยายงานใหม่ ๆ ได้ก็ต่อเมื่อเขามีกำไร เอาเงินที่กำไรไปขยายธุรกิจ ไม่มีกำไรก็ไม่ขยาย ฉะนั้น บริษัทแทบจะไม่มีหนี้สินอะไรเลย เรียกได้ว่าต้นทุนทางด้านการเงินค่อนข้างต่ำ และที่สำคัญที่สุดคือมีความมั่นคงค่อนข้างสูง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราจะเห็น
บริษัทรถใหญ่ ๆ ของโลกไปไม่ค่อยรอด ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาหรือยุโรป เพราะที่ผ่านมา เขาโตด้วยเงินกู้ ไม่ใช่โตด้วยกำไร บริษัทที่มีวินัยทางการเงิน จะต้องมีหลักการบริหารการเงินที่เคร่งครัดจริงจังจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันมีความเข้มแข็งทางธุรกิจ ไม่ว่าจะมีวิกฤตทางเศรษฐกิจโลกอย่างไร บริษัทที่กล่าวมาข้างต้นก็ยังสามารถเดินไปข้างหน้าได้ เพราะเขาไม่เป็นหนี้และมีเงินสดจากการเก็บออมจากนโยบายที่มีระเบียบมีระเบียบที่ถูกต้องจากการใช้เงินอย่างถูกต้อง แม้กระทั่งบุคคลก็เหมือนกัน คนที่ใช้เงินแบบฟุ่มเฟือยไม่มีวินัยไม่มีการเก็บออมมักจะมีปัญหามักจะสะดุดขาตัวเองตอนมีปัญหาทางธุรกิจเสมอ ผมไม่ทราบว่าจะคุยถูกมั้ย น่าจะพอเข้าใจนะครับ
เคล็ดลับความร่ำรวยทั่วกันไปเลยนะครับ
คุณบง คุณวิกรมมีบัตรเครดิตกี่ใบ มีวิธีการใช้จ่ายอย่างไร สำหรับคนที่มีปัญหาหนี้บัตรเครดิตต่าง ๆ ในวงเงินเป็นแสน ๆ ควรจะหาทางแก้ไขอย่างไรครับ
ตอบ ก็อย่างนี้ จริง ๆ ส่วนตัวผมมีบัตรเครดิตแค่ใบเดียว เป็นของบริษัทอยู่ใบหนึ่ง เหตุที่มีบัตรเครดิต 2 ใบ
อะไรที่เกี่ยวกับบริษัทผมก็จะเอาบัตรของบริษัทไปให้เขาใช้ ซึ่งจะว่าไปแล้ว ปัจจุบัน ผมไม่ค่อยใช้เครดิตคาร์ดเท่าไหร่ เมื่อเมื่อก่อนโน้นตอนเดินทางไปที่ต่าง ๆ ก็จะใช้บัตรเครดิตน้อยมากก็ไม่เสียค่าทำบัตร และก็ไม่จำเป็นต้องโชว์ให้ใครเห็นว่าพอเปิดกระเป๋ามามีเครดิตคาร์ดเป็นหางว่าวเลย มายก๊อด ค่าบัตร เขาคิดแต่ละปี เขาคิดค่าสมาชิกBank เขาให้ผมโดยไม่เสียค่าสมาชิก ผมจะใช้บัตรกี่ใบก็ได้ กระเป๋าไปตุงอยู่ที่สะโพกผมก็เลยไม่ชอบใช้ การที่ผมใช้บัตรเครดิตน้อย ไม่ใช่เป็นเพราะว่าผมไม่ต้องไปเสียค่าสมาชิก เพราะผมใช้บัตรโดยไม่เสียค่าสมาชิก แต่ต้องมาดูว่าเราจะเป็นต้องใช้อะไรอย่างไรบ้างหรือไม่ เพราะว่าตอนนี้ผมทานข้าวที่บ้านเป็นส่วนใหญ่
และไม่ค่อยได้ไปข้างนอก เพราะฉะนั้นเครดิตคาร์ด เดือนหนึ่งใช้ไม่กี่ตัง เมื่อคืนเพิ่งไปใช้มาครั้งเดียว ที่สำคัญผมเป็นคนค่อนข้างมีวินัยในการใช้เงิน (ยอดเยี่ยมจริง ๆ เลยค่ะคุณตาวิกรม ทำได้ไงเนี่ย)ผมจะไม่ซื้อของที่ไม่จำเป็น และก็จะไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือย ทุกอย่างที่ผมจะจ่ายหรือจะซื้อเป็นนิสัยที่ผมผูกติดมาตั้งแต่เด็กจะมีเหตุผล เป็นอะไรที่ผมจะต้องใช้ มิฉะนั้นผมจะไม่ซื้อ และถ้าผมจะซื้อผมจะต้องซื้อของที่มีคุณภาพดี ผมไปเดินจตุจักรเรื่อย ผมสนุกกับการซื้อของเล่นจุ๊กจิ๊ก ๆ (อะไรคะจุ๊กจิ๊ก มีด้วยหรือคะ)อีกเรื่องหนึ่ง ซื้อของถูก ๆ มาใส่ ผมก็ไม่เสียดายเพราะมันไม่แพง เพราะมีความรู้สึก enjoy ที่จะไปเดิน เดินครึ่งวันเหมือนออกกำลังกาย คิดว่าเข้าห้องเซาวน์น่า เสาร์ที่แล้วผมก็ไปเดินมาเหมือนกัน (เหรอคะ)เหงื่อนโจ๊กเลย (ขนาดไม่มี spotlightนะคะเนี่ย)ผมจะไปจตุจักร ไปจ่ายของราคาไม่แพง ผมมีอุดมการณ์ผมไม่ขี้เหนียวกับของจำเป็น ในชีวิตผมใช้เงินมากที่สุดในชีวิตตอนที่มีเงินแล้วเรื่องบ้าน ตึกกรมดิษฐ์ (คุณวิชัยไปบ่อย)ที่ตรงบ้านผมมาสร้างตอนที่ผมมีเงินแล้ว ตอนที่ผมยังไม่มีเงินผมก็ใช้บ้านพร้อมพงษ์ ซื้อบ้านพร้อมพงษ์ซื้อ 20 กว่าปีแล้ว ตอนหลังมีมีบ้านมีรถยนต์ที่ผมใช้เงิน แล้วก็มีของโบราณ ผมใช้เงินเมื่อผมมีเงินแล้วในหลักการการใช้เงินของผมอย่างที่ว่า เอาเป็นช่วง ๆ มาเป็นตอน ๆ ยังไม่มีตังค์ ก็ซื้อของไม่แพงมาแต่งบ้าน พอมีตังค์ก็ซื้อของดีหน่อยให้มีเอกลัษณ์ ผมเลยไม่มีปัญหาเรื่องบัตรเครดิตที่ใช้วงเงินเป็นแสนแล้วไม่มีเงินหมุน ผมเลยไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาเรื่องหนี้สินส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้เงินส่วนตัว ที่ใช้หนัก ๆ ที่ผมเป็นอยู่ทุกวัน หมายความว่าถ้าผมมีเงินอยู่ 100 ผมจะใช้ไม่เกิน 10-20-30 บาทของเงินที่ผมมี ก็เลยกลายเป็นนิสัย การบริหารเงินตัวเอง อย่าคิดว่ามีเครดิตคาร์ดเพื่อหาแหล่งเงินกู้ อันนั้นเป็นปัญหา ตอนนี้มีหนี้เป็นแสน ก็คืนเขา คุยกับเขา ต่อรองกับเขา
แล้วมีหมุนเงิน ตอนนี้มีหนี้เป็นแสน ๆ ไปคุยกับเจ้าหนี้อย่าเกรงใจ สมมติว่าเราดูแล้วอีกปีหนึ่ง จึงจะสามารถคืนเงินเขาได้ บอกเขาว่า 2 ปี แต่เราจะพยายามคืนให้ได้ภายใน 1 ปี แต่ถ้ายังทำไม่ได้ เรายังมีเวลาเหลืออีกปี อย่าให้เสียเครดิต ถ้าเราทำไม่ได้แล้วบอกว่าได้ เสร็จอีก เป็นงูกินหาง เจ้าหนี้ปวดหัว อันนี้จะเป็นปัญหา
คุณถาวร คนทำงานในโรงงานประเทศไต้หวันเงินเดือนถึงแตกต่างจากคนที่ทำงานในเมืองไทยครับ
ตอบ เศรษฐกิจของไต้หวันเขาเข้มแข็ง แข็งแรงกว่าเมืองไทย ทำให้เขาขาดแรงงาน คนไทยที่ไปทำงานที่นั่นก็จะมีรายได้สูงกว่าทำงานในเมืองไทย แต่เดิมไต้หวันเมื่อ 40ปีที่แล้วก็ยังเป็นประเทศเกษตรกรรม ส่งออกน้ำตาล สัปปะรดกระป๋องใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อตอนสมัยผมอยู่ไต้หวันตอนโน้น เมื่อการศึกษาของเขาดีขึ้น เปลี่ยนจากเกษตรมาเป็นอุตสาหกรรม รายได้ต่อหัวของเขาก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ จีดีพีต่อหัวของคนไต้หวันสูงกว่าของคนไทยถึง 10 เท่า ฉะนั้นคนไทยที่ทำงานในไต้หวันจะมีรายได้สูงกว่า แต่ขณะเดียวกัน ค่าครองชีพของเขาก็สูงกว่าเมืองไทยหลายเท่า คนไทยอยู่ที่นั่น ทำงาน แล้วกินแต่มาม่าทำให้ไม่มีแรงทำงานเงินก็เลยเหลือเยอะด้วย นั่นก็เป็นเพราะว่าไต้หวันเขาเจริญกว่าเรา
คุณเถ้าแก่น้อย ทำธุรกิจรับเหมาเล็ก ๆ เองส่วนตัว จะทำอย่างไรกับเงินที่เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
ตอบ ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องมาดูก่อนว่าเราเป็นเจ้าของคนเดียวหรือเปล่า ถ้าเป็นธุรกิจห้างหุ้นส่วน หจก.ไม่มีหุ้นส่วนคนอื่นก็คงไม่ซีเรียส แต่เราก็ต้องมาปรับ เราก็ต้องมาวางแผนในระยะยาวว่าในเชิงของห้างหุ้นส่วนหรือในรูปของบริษัทแล้ว ถ้าเราสามารถจัดการการใช้เงินให้เป็นระบบก็จะดีนะ ปูพื้นฐานก้าวไปสู่ระบบระเบียบกฎเกณฑ์ให้ถูกต้องทางกฎหมายในอนาคต การเป็นเถ้าแก่คนเดียว บางครั้งทำให้เราเคยตัว ถ้าไม่อยากจะมีปัญหา วิธีง่าย ๆ คือ จ้างบริษัททำบัญชี ให้เขาวางระบบให้ อะไรควรเข้าบัญชีหรือไม่เข้าบัญชี อะไรที่เป็นส่วนตัวก็ตัดออกไป เขาจะแนะนำให้เรา เอาใบเสร็จต่าง ๆ มาลงบัญชี ทำบัญชีกำไรขาดทุนให้เรียบร้อย
โดยเราจะค่อย ๆ คุ้นเคยในความเป็นระบบ เราไม่จำเป็นต้องมีพนักงานทำบัญชี แต่ถ้าเรามีธุรกิจมากขึ้น เราต้องเก็บตั๋วใบเสร็จ
หาพนักงานลงบัญชีขั้นพื้นฐานตามที่บริษัทบัญชีแนะนำให้เรา สมัยก่อนผมก็ทำอย่างนี้ ผมเริ่มด้วยคนเดียว บริษัท V&K ใหม่ ๆ
ผมก็ให้บริษัทแถวใกล้ ๆ คลองสาน ช่วยทำบัญชีให้ผม ผมค่อย ๆ ดีขึ้น จนกระทั่งเป็นปัจจุบันนี้ครับ มีความมีวินัยและความเป็นระเบียบดีมาก
คุณกัญญารัตน์ อยากให้คุณวิกรมพูดเกี่ยวกับกฎหมายต่างประเทศที่ใช้ควบคุมสื่อว่ามีความเหมือนหรือต่างจากไทยอย่างไร
ตอบ ที่จริงผมไม่ค่อยรู้เรื่องกฎหมายพวกนี้ แต่พูดในเชิงว่า ที่เคยเห็นแล้วแต่แต่ละประเทศหากเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ รัฐบาลจะคุมสื่อ 100% สื่อจะเขียนจะพูดอะไรเรื่อยเปื่อยไม่ได้เลยนะ แต่ถ้าเป็นประเทศเผด็จการ เช่น สิงคโปร์ เกาหลี ฯลฯ ก็ยังต้องการความมั่นคงของประเทศสูงก็จะเข้มงวดกับสื่อเช่นกัน สำหรับประเทศไทย ผมว่าสื่อไทยมีเสรีภาพค่อนข้างสูง ฉะนั้นสื่อไทยจะเขียนอะไรก็ได้ตามที่ตัวเองอยากจะเขียนและก็คิดว่าเหมาะสม จึงทำให้มีคนฟ้องสื่อไทยทุกฉบับเลย ถูกฟ้องระเนระนาด
อาจเป็นเพราะว่าสื่อไทยอาจจะเขียนอะไรที่เคยตัวไปนิดนึง ฉะนั้นสื่อไทยวันนี้ภาพของสังคมไทยค่อนข้างมีปัญหา เพราะส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่ามาจากสื่อว่าสื่อไทยไม่ค่อยมีมาตรฐานในการเสนอข่าวทำให้สังคมไทยบริโภคข้อมูลที่ผิด ๆ หรือข้อมูลที่ไม่ยุติธรรม
ก็เขียนตามใจสื่อเหมือนกัน เพราะสื่อบางสื่อก็ไม่มีมาตรฐานในประเทศไทย ผมเป็นคนที่ไม่มองไม่อ่านสื่อของไทยทั่วไปเลย ผมมองว่าสื่อไทยใน 100% จะใช้ได้เพียง 20-30% อีก 60-70% มองว่าเป็นสื่อทางการค้า เป็นสื่อที่ผมมองว่าเป็นสื่อที่ไม่ค่อยมีรรยาบรรณ และถ้ามองหรืออ่าน ๆ มาก ๆ ทำให้ผมพลอยงงไปด้วย อันนั้นเป็นมุมมองของผม ในต่างประเทศ พูดกันง่าย ๆ ก็คือกฎหมายระบบของประเทศ ถ้าเป็นคอมมิวนิสต์ เขาคุม 100% ประเทศอื่นก็ยัง Relax บ้างแต่ก็ยังเข้มงวด เช่น สิงคโปร์ แต่อเมริกา ถ้าเขาฟ้อง เขาฟ้องหนักเลย ผมว่าถูกต้องครับ ปล่อยสื่อให้มีสิทธิเสรีภาพในการเขียน แต่สื่อจะต้องรับโทษอย่างหนัก ถูกฟ้องล้มละลายไปเลยก็ได้เจ๊งไปเลยก็ได้จับเข้าคุกไปเลยก็ได้ ถ้ามาเขียนอะไรที่มันเรื่อยเปื่อย และผมก็เป็นคนหนึ่งถ้ามาเขียนอะไรที่ผมไม่นั่น (ไม่นั่นน่ะคืออะไรคะ)ผมฟ้องตายโหงเลย แล้วผมฟ้องเจ๊งไปเลยก็แล้วกัน (ใครเขียนอะไรอย่างนั้นหรือคะคุณตาวิกรม)ถ้าเกิดมาเขียนอะไรที่ไม่เป็นจริง แต่ถ้าเป็นจริงถ้าถูกต้องเราก็ต้องเป็นสุภาพบุรุษ เราก็ต้องยอมรับผิด ถ้าเป็นความจริงแล้วสื่อมาขุดคุ้ยเราว่าเราทำผิด เราก็ต้องยอมรับผิด ขณะเดียวกันในเมืองไทยมีเยอะ คนที่เป็นอย่างนี้คือหน้าหนา อึ๊ด เป็นพวกศรีธนนชัย จับไม่ได้คาหนังคาเขาก็ไม่ยอมรับ ก็ดีสื่อก็ช่วยขุดคุ้ยหน่อยละครับ
คาถาชีวิต สั้นที่สุดเท่าที่เคยมีมา ไม่โกง ถ้าเราเกิดมาไม่โกงความจริง และเราไม่โกงตัวเอง ผมว่าเราจะเดินไปสู่ความสำเร็จครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะว่าการที่เราไม่โกงความจริงก็การที่เราจะทำอะไรทุกอย่างย่อมมีเหตุและผล ไม่โกงตัวเองหรือไม่หลอกตัวเอง ก็ทำให้เราทำทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุและมีผล ผมเชื่อว่าเราจะเป็นคนที่มีเครดิต เราจะเป็นคนที่สังคมเชื่อถือ ถ้าหากว่าเราทำอย่างที่ว่า เราจะเป็นคนที่สังคมเชื่อถือ และการที่เรามีทรัพย์สินอย่างนั้นแล้ว การจะเดินไปข้างหน้า ผมเชื่อเหลือเกินว่าเราจะเดินไปถึงความสำเร็จได้ไม่ยาก และขอให้เดินไปเรื่อย ๆ อย่าย่อท้อ แล้วก็ทำงานหนัก ผมเชื่อว่าเราจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
เพราะว่าเราไม่โกงนั่นเองครับ
คุณรัชดา 1.คุณวิกรมได้เปลี่ยนวิถีชีวิตหลังจากที่สึกออกมา หนูอยากทราบว่าอะไรเป็นปัจจัย หรือหลักไตรรัตน์ 2.หนูเคยเห็นคุณวิกรมและได้ยินผ่านสื่อทั้งหมด ขออนุญาตไปสัมผัสชีวิตจริงของคุณวิกรมที่ศานติสงบ ไม่ทราบว่าจะอนุญาตหรือไม่คะ
ตอบ ผมอยู่ที่นั่นอย่างสงบ และไม่อยากจะทำอะไร ส่วนใหญ่จะใช้เวลาเขียนหนังสือ ใช้วิธีอย่างนี้แหละครับส่ง SMS ผ่านคุณวิชัย แล้วผมจะตอบทางวิทยุดีมั้ยครับ 1.อันแรกเลย การที่ผมไปบวชก็เป็นพื้นฐานว่าผมเป็นคนรักสงบอยู่แล้ว การที่ผมไปบวชและการที่ผมไปอยู่คนเดียวในป่า นั่งเขียนแต่หนังสือ ซึ่งก่อนบวชผมก็ทำอยู่แล้ว มีสิ่งหนึ่งที่ต่างกันคือ ตอนบวชผมสวมจีวร เครื่องแบบพระ เกิดความรู้สึกเปลี่ยนขึ้นมา รู้สึกสบาย มีความสุข ไม่คิดถึงเรื่องแฟชั่น มีส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมเกิดเปลี่ยนคือทำให้ผมกลับมาใส่โสร่ง (หนูว่าเท่มาก ๆ เลยค่ะ คุณตาวิกรมนุ่งโสร่งแทนสแล็ค)เมื่อก่อนไม่เคยคิดจะใส่โสร่งเลยนะ นั่นคือการเปลี่ยนวิถีชีวิต แต่หลัก ๆ ก็คือทำให้ผมรู้สึกเข้าใจตัวเองมากขึ้น นั่นคือการที่ผมได้เรียนรู้จากตรงนั้นครับ
คุณธีรชาติ ประกาศของกรมศุลฯ ยกเลิกพิกัดอัตราภาษีของพลาสติกที่นำเข้า (อันนี้ผมวิกรมไม่รู้ครับ)มา
ยกเลิกเป็นศูนย์ ถือสายคอย (สงสัยจะตอบหลังไมค์)
ติดตามละคร "ไฟอมตะ" แล้วโทร.มาคุยกันนะครับ (เผอิญพี่เป็นโรคจิตค่ะคุณวิชัย ไม่ค่อยชอบคุยโทรศัพท์ ไม่ใช่ล้อเล่น..น..น. คือเกรงใจ เพราะเราไม่รู้ว่าคนที่เราโทรไปหานั่น บางทีเขาอาจจะยุ่ง หรือติดธุระอยู่น่ะ)สื่อสารทางเดียวไปก่อนน่ะดีแล้ว ถนัดสไตล์นี้ค่ะ อิอิ
ขอบคุณคุณตาวิกรม คุณวิชัย และทีมงาน CEO VISION มากค่ะ (วันนี้ด่วนจัง ห้วน ๆ อ่ะค่ะ)
วันนี้เป็นอะไรเนี่ย พิมพ์หมดแล้ว หายเกลี้ยงเลยส่วนที่พิมพ์เพิ่ม เซ็งเลย (เริ่มต้นที่คุณกัญรัตน์)ก็clickเผยแพร่บทความทีเดียวแล้วนี่นา
ปาเข้าไป 5 ชั่วโมง (สถิติแย่มากเลย เท่าที่เคยทำมา แป๊ก ๆ ๆ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น